วันอาทิตย์ที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

รัชกาลที่6 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว


รัชกาลที่ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว


รัชกาลที่ 6 ครองราชย์ ๑๖ ปี (พ.ศ. ๒๔๕๓-๒๔๖๘) พระชนมายุ ๔๖ พรรษา
     เสด็จพระราชสมภพ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๔๒๓ พระนามเดิมว่า สมเด็จเจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ   เป็นพระราชโอรส ในพระบาทสมเด็จ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ ได้รับสถาปนาเป็นสมเด็จเจ้าฟ้า กรมขุนเทพทวาราวดี เมื่อ พระชนมายุได้ ๘ พรรษา เมื่อพระชนมายุได้ ๑๑ พรรษา ได้เสด็จ ไปศึกษาวิชาการที่ประเทศอังกฤษ ทรงศึกษาใน มหาวิทยาลัย ออกซ์ฟอร์ด และศึกษาวิชาการทหารบก ที่โรงเรียนนายร้อย แซนด์เฮิสต์ ได้รับสถาปนา เป็นสมเด็จพระบรม โอรสาธิราช สยามมงกุฎราชกุมาร เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๓๗ เสด็จกลับประเทศไทยแล้ว ทรงเข้ารับราชการในตำแหน่งจเรทัพบก และทรงบัญชาการ ทหารมหาดเล็ก ดำรงพระยศพลเอก เสด็จขึ้นครองราชสมบัติ  เมื่อวันที่ ๒๓ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๕๓ ได้ทรงปรับปรุง ด้านการศึกษาของไทย โปรดให้ตราพระราชบัญญัติประถมศึกษา ให้เป็นการศึกษาภาคบังคับ ทรงตั้งกระทรวงการทหารเรือ กองเสือป่า และกองลูกเสือ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ กรมศิลปากร โรงไฟฟ้าหลวงสามเสน คลังออมสิน กรมสถิติพยากรณ์ กรมสรรพากร กรมตรวจเงินแผ่นดิน กรมมหาวิทยาลัย กรมรถไฟหลวง และเปิดเดินรถไฟไปเชื่อมกับมลายู ตั้งสถานเสาวภาและกรมร่างกฎหมาย ทรงเปลี่ยนการใช้ รัตนโกสินทรศก (ร.ศ) เป็นพุทธศักราช (พ.ศ.) พระองค์ได้ทรงปลูกฝัง ความรักชาติให้เกิดขึ้น ในหมู่ประชาชาวไทย ทรงเป็นศิลปิน และส่งเสริมงานประพันธ์เป็นอย่างมาก ทรงเป็นผู้นำในการประพันธ์วรรณคดีไทย ทั้งที่เป็น ร้อยแก้ว และร้อยกรอง ทรงเขียนหนังสือ ทางด้านประวัติศาสตร์ และด้าน การทหารไว้เป็น จำนวนมาก ประมาณถึง ๒๐๐ เรื่อง พระองค์จึงได้รับ ถวายพระราชสมัญญานามว่า สมเด็จพระมหาธีรราชเจ้า ทรงเป็นนักปราชญ์ที่ยิ่งใหญ่ พระองค์หนึ่งของไทย การปกครองประเทศ ได้ทรงเจริญรอยตามสมเด็จพระราชบิดา สานต่องานที่ยังไม่เสร็จสิ้น ใน รัชสมัยของพระองค์ ได้เกิดสงครามโลกครั้งที่ ๑ โดยมีสมรภูมิอยู่ในทวีปยุโรป ทรงตัดสินพระทัยประกาศสงคราม กับเยอรมัน โดยเข้าร่วมกับสัมพันธมิตร ได้ส่งทหารไทยไปร่วมรบ ณ ประเทศฝรั่งเศส ผลที่สุดได้ เป็นฝ่ายชนะสงคราม ทำให้ไทยได้รับการแก้ไขสนธิสัญญา ที่ไทยเสียเปรียบต่างประเทศได้เป็นอันมาก
ด้านการศึกษา
จัดการศึกษาระดับอุดมศึกษาโดยทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ยกฐานะโรงเรียนข้าราชการพลเรือนฯ ขึ้นเป็น จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในปี พ.ศ. ๒๔๕๙ นับเป็นมหาวิทยาลัย แห่งแรกของไทยทรงตราพระราชบัญญัติประถมศึกษา ปีพ.ศ. ๒๔๖๔ ให้บิดามารดาส่งบุตรเข้าโรงเรียนโดยไม่เสียค่าเล่าเรียน
ด้านเศรษฐกิจ
     จัดตั้งธนาคารออมสินขึ้นเพื่อให้ประชาชนรู้จักออมทรัพย์และเชื่อมั่นในสถาบันการเงินเนื่องจากมีธนาคารพาณิชย์เอกชนที่ฉ้อโกงและต้องล้มละลายปิดกิจการทำให้ผู้ฝากเงินได้รับความเสียหายอยู่เสมอใช้พระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ซื้อหุ้นของ ธนาคารสยามกัมมาจล ทุนจำกัด(ปัจจุบันคือ ธนาคารไทยพาณิชย์) ซึ่งมีปัญหา การเงิน ทำให้ธนาคารของคนไทยแห่งนี้ดำรงอยู่มาได้ทรงริเริ่มตั้งบริษัทปูนซีเมนต์ไทยจำกัด ซึ่งได้เป็นกิจการ อุตสาหกรรมสำคัญของไทยต่อเนื่องมาจนปัจจุบัน
ด้านการแพทย์และสาธารณสุข
    ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตั้งโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ และวชิรพยาบาลเพื่อรักษาพยาบาลประชาชนที่เจ็บไข้ได้ป่วย ทรงเปิดสถานเสาวภา เมื่อวันที่ ๗ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๖๕ เพื่อผลิตวัคซีน และเซรุ่ม เป็นประโยชน์ ทั้งแก่ ประชาชนชาวไทยและประเทศใกล้เคียงอีกด้วยทรงเปิดการประปากรุงเทพฯ เมื่อวันที่ ๑๔ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๕๗
ด้านกิจการเสือป่าและลูกเสือ
     ทรงจัดตั้งกองเสือป่าขึ้นเมื่อวันที่ ๖ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๕๔โดยมีพระราชประสงค์จะฝึกอบรมข้าราชการให้มีระเบียบวินัย มีความสามัคคี มีน้ำใจเป็นสุภาพบุรุษประพฤติตนดี รักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เป็นกำลังของชาติในยามคับขันทรงจัดตั้งกองลูกเสือขึ้นเมื่อ พ.ศ. ๒๔๕๔ เพื่อฝึกเยาวชนให้มีความสามัคคีมานะอดทน เสียสละเพื่อส่วนรวม และเป็นผู้ช่วยรบได้ในยามคับขัน
พระราชลัญจกรประจำรัชกาลที่ ๖

    เป็นรูปวชิราวุธ ยอดมีรัศมี ประดิษฐานบนพานแว่นฟ้า ซึ่งตั่งอยู่เหนือตั่ง มีฉัตรกลีบ บัวตั้งอยู่สองข้างเป็นสัญลักษณ์ พระบรมนามาภิไธย "วชิราวุธ" หมายถึง อาวุธของพระอินทร์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น